เกมคาสิโนโป๊กเกอร์
โป๊กเกอร์เป็นเกมที่อาศัยทั้งโชค ศาสตร์แห่งความน่าจะเป็น จิตวิทยา และความเชี่ยวชาญในการเล่นเพื่อที่จะได้กำไรในการเล่นก็ว่าได้ ผู้เล่นแต่ละคนจะได้รับไพ่ 2 ใบคว่ำหน้า และไพ่ 5 ใบเปิดหน้าบนโต๊ะ ผู้เล่นจะต้องใช้ไพ่ทั้ง 2 ใบของตนร่วมกับไพ่ 5 ใบบนโต๊ะเพื่อสร้างมือโป๊กเกอร์ที่ดีที่สุด มือโป๊กเกอร์ที่แข็งแกร่งที่สุดคือรอยัลฟลัช ซึ่งเป็นไพ่ 5 ใบที่มีลำดับเดียวกันและมีดอกเดียวกัน เช่น A-K-Q-J-T โพธิ์ดำ
เกมคาสิโนโป๊กเกอร์ออนไลน์จึงเป็นอีกหนึ่งเกม ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน เนื่องจากสามารถเล่นได้ง่าย แถมยังสะดวกอีกด้วย ผู้เล่นสามารถเล่นได้จากทุกที่ทุกเวลา เพียงมีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต นอกจากนี้เกมโป๊กเกอร์ออนไลน์ยังมีรูปแบบการเล่นที่หลากหลายให้เลือกเล่น ผู้เล่นสามารถเลือกรูปแบบการเล่นที่เหมาะกับตนเองได้
และข้อมูลหัวข้อถัดไปที่เราอยากนำเสนอนี้ คือ วิธีเล่นโป๊กเกอร์ , รูปแบบคาสิโนโป๊กเกอร์ , หลักการนับแต้มโป๊กเกอร์ , เทคนิคเล่นโป๊กเกอร์ ที่นักพนันมือใหม่ควรทราบก่อนลงเดิมพันจริง เราไปดูเนื้อหากันเลยว่ามีอะไรบ้าง?
วิธีเล่นโป๊กเกอร์
วิธีการเล่นโป๊กเกอร์ออนไลน์ โดยทั่วไปจะเริ่มต้นด้วยการแจกไพ่ให้กับผู้เล่นแต่ละคนตามจำนวนที่กำหนด โดยไพ่ที่แจกให้กับผู้เล่นแต่ละคนจะเรียกว่า “ไพ่ส่วนตัว” หรือ “ไพ่หลุม” (hole cards) จากนั้นดีลเลอร์จะแจกไพ่กลางหนึ่งหรือ 2 ใบบนโต๊ะ ซึ่งเรียกว่า “ไพ่ชุมชน” (community cards) จากนั้นผู้เล่นแต่ละคนจะต้องใช้ไพ่ส่วนตัว และไพ่ชุมชนในการสร้างมือโป๊กเกอร์ที่ดีที่สุด โดยมือโป๊กเกอร์ที่ดีที่สุดคือมือที่มีอันดับสูงที่สุด
การตัดสินผลแพ้ชนะในเกมโป๊กเกอร์ออนไลน์ จะขึ้นอยู่กับอันดับของมือโป๊กเกอร์ โดยมือโป๊กเกอร์ที่มีอันดับสูงที่สุดคือ Royal Flush ตามด้วย Straight Flush, Four of a Kind, Full House, Flush, Straight, Three of a Kind, Two Pair, One Pair, และ High Card
รูปแบบคาสิโนโป๊กเกอร์
เท็กซัส โฮลเอ็ม (Texas Hold’em) เป็นรูปแบบโป๊กเกอร์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก ผู้เล่นจะได้รับไพ่ 2 ใบคว่ำหน้าและไพ่ 5 ใบคว่ำหน้า เป้าหมายของเกมคือการสร้างมือโป๊กเกอร์ที่ดีที่สุดโดยใช้ไพ่ทั้ง 7 ใบ เท็กซัส
ลิมิต โฮลเอ็ม (Limit Hold’em) เป็นรูปแบบของเท็กซัส โฮลเอ็มที่มีข้อจำกัดในการเดิมพัน ผู้เล่นสามารถเดิมพันได้เพียงจำนวนเงินที่กำหนดไว้ในแต่ละรอบการเดิมพัน ลิมิต โฮลเอ็มเป็นเกมที่เหมาะสำหรับผู้เล่นมือใหม่ เนื่องจากมีกฎเกณฑ์ที่ง่ายกว่าเท็กซัส โฮลเอ็มแบบไม่มีลิมิต
โนลิมิต โฮลเอ็ม (No Limit Hold’em) เป็นรูปแบบของเท็กซัส โฮลเอ็มที่ไม่มีข้อจำกัดในการเดิมพัน ผู้เล่นสามารถเดิมพันได้เท่าที่ต้องการในแต่ละรอบการเดิมพัน
โอมาฮา (Omaha) เป็นรูปแบบโป๊กเกอร์ที่คล้ายกับเท็กซัส โฮลเอ็ม ผู้เล่นจะได้รับไพ่ 4 ใบคว่ำหน้าและไพ่ 5 ใบคว่ำหน้า เป้าหมายของเกมคือการสร้างมือโป๊กเกอร์ที่ดีที่สุดโดยใช้ไพ่ 5 ใบจาก 7 ใบ ความแตกต่างที่สำคัญระหว่างโอมาฮากับเท็กซัส โฮลเอ็มคือผู้เล่นต้องใช้ไพ่ 3 ใบจากไพ่ 4 ใบส่วนตัวเพื่อสร้างมือโป๊กเกอร์
เซเว่น-คาร์ด สตั๊ด (Seven-Card Stud) เป็นรูปแบบโป๊กเกอร์ที่ผู้เล่นจะได้รับไพ่ 7 ใบคว่ำหน้าทีละใบ ผู้เล่นจะต้องใช้ไพ่ 5 ใบที่ดีที่สุดจาก 7 ใบเพื่อสร้างมือโป๊กเกอร์
โฟร์-คาร์ด พอน (Four-Card Draw) เป็นรูปแบบโป๊กเกอร์ที่ผู้เล่นจะได้รับไพ่ 5 ใบคว่ำหน้าทีละใบ ผู้เล่นสามารถแลกเปลี่ยนไพ่ได้ 4 ใบเพื่อสร้างมือโป๊กเกอร์ที่ดีที่สุด
หลักการนับแต้มโป๊กเกอร์
สิ่งสำคัญที่สุดของการเล่นโป๊กเกอร์คือ การนับแต้มไพ่ ซึ่งจะช่วยให้ผู้เล่นสามารถประเมินความแข็งแกร่งของไพ่ในมือตัวเอง และตัดสินใจได้อย่างถูกต้องว่าควรเดิมพันมากหรือน้อย
ไพ่โป๊กเกอร์มีทั้งหมด 52 ใบ แบ่งเป็น 4 ชุด แต่ละชุดมี 13 ใบ ดังนี้
แต้มไพ่โป๊กเกอร์มีดังนี้
ตัวอย่างการนับแต้มโป๊กเกอร์
สมมติว่าเรามีไพ่ในมือเป็น A♦, 2♠, 3♠, 4♠, 5♦
ไพ่เหล่านี้สามารถรวมกันเป็น สเตรทฟลัช (straight flush) ได้ เนื่องจากไพ่ทั้ง 5 ใบเรียงกันอยู่ในชุดเดียวกัน ดังนั้นแต้มของไพ่รวมกันจึงเท่ากับ 14 + 13 + 12 + 11 + 10 = 60 แต้ม
เทคนิคเล่นโป๊กเกอร์
- อ่านเค้าไพ่ เค้าไพ่คือรูปแบบของไพ่ที่ออกในรอบก่อนหน้า ผู้เล่นที่เก่งจะวิเคราะห์เค้าไพ่เพื่อคาดเดาว่าไพ่ในรอบต่อไปจะเป็นอะไร ซึ่งจะช่วยให้ตัดสินใจได้ว่าจะเดิมพันหรือไม่
- รู้จักจังหวะ จังหวะในการเดิมพันก็สำคัญเช่นกัน ผู้เล่นที่เก่งจะรู้ว่าเมื่อไหร่ควรเดิมพัน เมื่อไหร่ควรอยู่เฉยๆ หรือเมื่อไหร่ควรหมอบ จังหวะที่ถูกต้องจะช่วยให้คุณชนะได้มากขึ้น
- ฝึกฝน การเล่นโป๊กเกอร์ต้องอาศัยการฝึกฝน ยิ่งฝึกฝนมากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งเก่งขึ้นเท่านั้น
เทคนิคที่เราจะให้นั้นยังไม่หมด เรายังมีทริคง่าย ๆ ทำเงินได้ไวมาฝากอีกด้วยจ้า นั่นก็คือ
- เช็คอินแบบคูลๆ
เมื่อเริ่มเกม เราต้องเช็คอิน (check in) ให้ได้ก่อน เพื่อจะได้ดูไพ่ของคนอื่นก่อน จะได้วางแผนการเล่นได้ถูก
- บลัฟแบบเนียนๆ
ถ้าไพ่เราไม่ดี เราก็ต้องบลัฟ (bluff) หลอกให้คนอื่นคิดว่าเราไพ่ดี เพื่อจะได้ชนะ
- เกทับแบบไม่ยั้ง
ถ้าไพ่เราดี เราก็ต้องเกทับ (raise) ใส่คนอื่นไปให้หมด เพื่อจะได้กินเงินไป
- เก๊ตติ้งเดด (getting dead)
ถ้าไพ่เราไม่ดี เราก็ต้องเก๊ตติ้งเดด (getting dead) คือยอมแพ้ไปเลย เพื่อจะได้ไม่เสียเงินเยอะ
- ฟลัชครีพ (flush creep)
ถ้าไพ่เรามีแต้มฟลัช (flush) อยู่แล้ว เราก็ต้องฟลัชครีพ (flush creep) คือเดิมพันไปเรื่อยๆ เพื่อกดดันคนอื่นให้ยอมแพ้
- สเตล (steal)
บลัฟ (bluff) แบบเนียนๆ ในตอนที่เราเช็คอิน (check in) เพื่อกินเงินเดิมพันจากคนอื่น